Wednesday, April 8, 2009

big trip on 2009 หนีรักพักร้อนที่เกาะบูบู

หลังจากกลับจากกระบี่ เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ เหมือนมรสุมจากฟากอันดามันไม่ยอมพรากข้าพเจ้าจากอ้อมอก... ต้นเดือนมีนาคม ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางไปเยือนหล่อนอีกครั้ง.... อันดามัน

เวลา 9 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพอาจดูยาวนาน แต่จากการเหาะเหินจากสวรรณภูมิสู่สนามบินจังหวัดกระบี่กลับทำให้การเดินทางในครั้งนี้ดูย่นย่อลงอย่างน่าประหลาดใจ...

ณ.ทางออกที่สนามบินปรากฏร่างของพี่สาวข้าพเจ้ายิ้มกริ่มอย่างดีใจ หล่อนมาทำงานที่นี่ได้ปีเศษ และรับอาษามารับคณะนักรอนแรมมาราธอน ซึ่งประกอบด้วยข้าพเจ้า, อาจารย์ต้อย, เรนี่ และ เดวิด สองสามีภรรยาจากนิวยอร์ค

บนรถขนส่งผู้โดยสารของโซฟีเทลคันนั้นไม่มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งณ.นาฑีนั้นคงไม่มีใครถวิลหามากมายนัก เพราะอากาศชื้นๆหลังฝนประกอบกับทิวทัศน์ของเทือกเขาหินปูนดูแปลกตาสลับยอดรายเรียงสไตล์กระบี่ทยอยมาอวดตัวกับพวกเราอยู่ตลอดเวลากลับดูน่าตื่นตาตื่นใจเกินกว่าที่ใครจะนึกถึงเรื่องอื่น

จากตัวเมืองกระบี่เรามีเวลาเล็กน้อยในการสะสมสเบียงต่างๆก่อนที่จะจับรถตู้ไปที่อำเภอเกาะลันตา... แรกเริ่มเดิมทีข้าพเจ้านึกว่า เกาะลันตามันอยู่ใกลจากฝั่งแต่ที่ไหนได้... นั่งรถไปก็ถึงแฮะ!!

เราต้องข้าพโป๊ะสองรอบกว่าจะไปถึงที่เกาะลันตา จากเกาะลันตาที่อำเภอเก่าจึงจะได้ต่อเรือหางยาวไปที่เกาะบูบู จุดหมายปลายทางของเรา....
เกาะบูบูเป็นเกาะเล็กๆเดินครึ่งชั่วโมงก็รอบ เป็นเกาะส่วนตัวของคุณวินัย อุกกฤษณ์นักแต่งเพลงนกสีเหลืองที่คาราวานนำเอาไปร้องจนโด่งดังถูกใจนักเคลื่อนไหวต่างๆเนี่ยแหละ
และแล้วเสียงเพลงเย็นๆของเพลงเกาะบูบูก็แว่วมาในโสดประสาทพร้อมกับภาพเกาะเบื้องหน้าค่อยๆใหญ่ขึ้น...
หอมกลิ่นบุหงา โอ้บุหงาปาหนัน
หอมกลิ่นบุหงา โอ้บุหงาปาหนัน
พบเธอเพียงคืนวัน โอ้บุหงาซาบซึ้งใจ
กำไลใส่ท่อนแขน แหวนนั่นของใคร
กำไลใส่ท่อนแขน แหวนนั่นของใคร
อยากถามความในใจ เจ้ามีใคร เจ้ามีใคร
เดือนเด่นสกาว สาวเจ้าวิไล
เดือนเด่นสกาว สาวเจ้าวิไล
แก้มน้องเป็นยองไย เหตุไฉนมีน้ำตา
เงินเป็นหมื่นเป็นแสน พี่ยากแค้นเกินไป
เงินเป็นหมื่นเป็นแสน พี่ยากแค้นเกินไป
จะขอน้องเมื่อไหร่ พี่ไม่มีให้ ไม่มีให้
เรือแล่นไปไหน ไกลถึงเกาะบูบู
เรือแล่นไปไหน ไกลถึงเกาะบูบู
พี่รับเจ้ามาอยู่เกาะบูบูนะสาวน้อย
หอมกลิ่นบุหงา โอ้บุหงาปาหนัน
พบเธอเพียงคืนวัน โอ้บุหงาซาบซึ้งใจ
สาวคนนี้แกมากับบอยเฟรชชาวนอร์เวย์ ชื่อดาร์แนล (ไม่ไช่คนข้างๆนะ คนข้างๆนี่เจ้าเดวิด) พอมาถึงเกาะเค้าก็ควงแฟนมาขอนั่งกินเหล้าด้วย เพราะเกาะนี้เป็นเกาะเงียบๆ มีวิลลาอยู่ไม่กี่หลัง แกคงเหงานะ...
เจ้าดาร์แนลนี่ฮาดี กินเหล้าดุมาก แล้วมาถูกใจอะไรข้าพเจ้าไม่รู้ ชวนไปอยู่นอร์เวย์ยิกๆ เอาปลาแซลมอลมาอ้างอีกว่าถ้าไปนั่นได้ตกปลาทั้งวัน...

กิจกรรมที่นั่นส่วนใหญ่คือนอนและนอน อาจารย์ต้อยกล่าวติดตลกว่าการย้ายโต๊ะหลบแดดที่นี่คืองานหนักที่สุดแล้ว...ทำไมต้องย้ายล่ะ? อ้าวก็นอนทั้งวันนี่หว่า!!!


ที่นี่พระอาทิตย์ตกสวยมากๆ และสีก็ยังต่างกันทุกวันด้วย... กับแกล้มเหล้าที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ววว


รุ่งขึ้นของทุกวันก็ตกปลา ที่นี่ตกปลาได้แย่มากๆ อาจจะเพราะว่าอยู่ใกล้เกาะลันตา เลยมีน้ำจืดไหลมาปนมาก แถมช่วงที่ไปก็น้ำขุ่นอีกต่างหาก เหยื่อปลอมและฟลายใช้ตกไม่ได้ตัวเลย ปลาที่ได้จากเหยื่อสดตอนกลางคืนก็ตัวเล็กและไม่มากนัก
หลังจากนั้นไม่กี่วันข้าพเจ้าจึงสำนึกว่า การนอนคือกิจกรรมที่ดีที่สุดจริงๆ




ห้องนอนของฉัน...




น้ำที่นี่ค่อนข้างลึกพอสมควร เนื่องจากองศาของชายหาดเทลงเร็ว...และเล่นได้แค่ช่วงน้ำขึ้นเพราะใกลออกไปมีโขดหินและปะการังตายๆค่อนข้างมาก ถ้าเล่นตอนน้ำลงมันเจ็บเท้าไม่สนุกเท่าที่ควรจะเป็น...




กิจกรรมที่ฮอตที่นี่อีกอย่างคือการดูนก เพราะว่าผืนป่าเล็กๆของที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกเงือก อินทรีหัวหงอกและนกอื่นๆซึ่งสามารถเห็นได้ทุกวันและวันละหลายๆรอบ
ข้าพเจ้ากับอาจารย์ต้อยให้ข้อสังเกตุว่ามาอันดามันทีไร ทำไมไม่เคยเห็นนกนางนวลเลย ซึ่งต่างจากทางฝั่งอ่าวไทยที่มีให้เห็นจนชินตา... หรือมันไม่มีอยู่ในพพื้นที่แถบนี้กันนะ?




ห้องนอนอีกมุม...



หลังจากที่นั่งๆนอนๆมาหลายวันก็หากิจกรรมทำกันหน่อย ในรูปกำลังนั่งเขียนรูปกันอยู่ที่หลังเกาะ...



อันนี้ของข้าพเจ้า... รูปเขียนทั้งหมดจะเอามาโพสให้ดูอีกทีนะครับ

จริงๆอยู่นั่นตกปลาบ่อยนะโดนเฉพาะเหยื่อปลอมแต่ไม่ได้ตัวเลยยย


TOMATO SKY.


DANCEING CLOUD.
บางครั้งข้าพเจ้านึกไปว่า ทำไมพวกเรามายืนอยู่ที่นี่ ณ.เวลานี้ อะไรกันดลบันดาลให้ทิวทัศที่น่าอัศจรรย์ประกฏขึ้นเบื้องหน้า ในเวลาที่เหมาะสม ในเวลาที่มีพวกเราเป็นส่วนร่วมในการชมมโหรีจากฟากฟ้า...กว่าที่ข้าพเจ้าจะรู้ตัว...ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาตลอดปีก็ดีเหมือนว่าจะปลิวไปกับสายลมจนหมดสิ้น




UPDER VIOLET.
มนุษย์โครมันยอง...


LANTA SHADOW.

คืนนั้นกับบรั่นดีขวดที่เท่าใหร่ไม่มีใครนับ... พวกเราดื่มด่ำกับบรรยากาศชั้นเยี่ยมต่างกับแกล้ม พราวแสงแพรฟ้ากำลังจะอำลาลับยอดสิงขร... น้ำแข็งในแก้วหลอมลงไปรวมกับน้ำอำพันเบื้องล่าง... รอยยิ้มเปรอะอยู่บนหน้าของใครหลายๆคน... คืนนั้นเกาะบูบูฉีกยิ้มให้กับเราด้วยเช่นกัน

เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราติดเรือหางยาวไปที่ตะละเบง เกาะหินปูนที่อยู่ใม่ห่างจากบูบูเท่าใรนัก ที่นี่ฝรั่งหลายคนมาพายเรือแคนนู บางคนก็มาลอยดูปลาดูปะการัง... ที่นี่ข้าพเจ้าได้กระเบนมาหนึ่งตัว ซึ่งแปรสภาพเป็นอาหารเย็นของเราในเวลาต่อมา

TALABANG.

นอกจากเกาบูบูจะอุดมไปด้วยนกเงือกแล้วที่นี่ยังมีแย้ทะเลมากมาย เจ้าตัวนี้คลานอยู่แถวๆแคนทีน แล้วยังขุดรูอยู่แถวนั้นด้วย... สามารถพบเห็นได้ตลอดวัน
จากที่ได้ฟังจากออฟฟิเชอร์ที่นั่น เขาว่ากลางคืนถ้าเอาไฟส่องดูแถวโขดหินก็จะพบกุ้งมังกรได้ไม่ยากด้วย
ฟังแล้วน้ำลายไหล ว่าจะลองไปจับหน่อยแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไปเพราะมัวแต่เมาอยู่แถวหน้าหาด...


สวยนะ...

ห้องนอนอีกแล้ว นอนอยู่แถวนี้ทั้งวันเลยมีรูปเยอะหน่อยนะ


SUN DANCE.

ชอบพระอาทิตย์ตกที่นี่มากๆ สีสรรค์จะต่างกันไปในแต่ละวัน



บนเกาะบูบูมีแมวอยู่ตัวนึง ร้องทั้งวันสงสัยมันจะเหงานะ... แฟนอาจารย์ต้อยแกเป็นคนชอบแมวมาก อาจารย์เลยหยิบมาถ่ายไปอวดแฟนหน่อย นัยว่าเก๊ามาเที่ยวแต่เก๊ามะยืมตะเองน๊ากั๊บ....

ครามฟ้า ครืนเสียง น้ำซัด
ลมโชย สะบัด พัดผิว
บุหงา ปาหนัน โปรยปลิว
ลอยลิ่วสู่เกาะ บูบู
วันต่อมาไปเที่ยวสี่เกาะ วันนี้ฮามาก เริ่มจากเกาะแรกด้วยความขี้เกียจ ก็ใส่แต่ชูชีพ ไม่ใส่ฟิน เพื่อลงไปดูปะการัง ... แต่ไม่รู้ไงว่าน้ำมันแรง...ก็ว่ายไม่ไปสิแถมยังโดนน้ำพัดไปทางอื่นด้วย ก็ได้อาจารย์ต้อยมาช่วยไว้ แล้วทีนี้ ระหว่างกลับไปรวมฝูงกับหมูคณะ เจ้าชูชีพเจ้ากรรมก็ดันขาด โฟมข้างในก็ดีดตัวออกมา... ต้องเกาะอาจารย์กลับเรือแทบไม่ทัน
เกาะต่อไปเป็นถ้ำมรกต...สวยยยมากกก ลอดถ้าเข้าไปมืดๆข้างในเป็นลากูนตื้นๆ...ที่นี่มีประวัติว่าเคยเป็นที่ซ่อนสมบัติของโจรสลัดมาก่อน.... โจรอะไร ขโมยทั้งทีกลับขโมยสลัด... สงสัยโจรชีวจิต


เพื่อนฝรั่งกลับนอร์เวย์ เลยติดเรือไปส่งที่ท่าศาลาแล้วแวะตกปลาด้วย... แห้วตามฟอร์ม

พออยู่มาครบหนึ่งสัปดาห์ อาจารย์ต้อยก็ได้เวลากลับเชียงใหม่...เวลานั้นใจหายแปลกๆนะแต่ก็ยังย่ามใจอยู่เพราะอาจารย์เกตุจะตามมาสมทบอีกสองสามวัน... เอาน่า อยู่นิ่งๆซักแป๊บเดี๋ยวก็ได้มันส์แล้ว


ไปเขียนรูปหลังเกาะกับเรนี่และเดฟ

ทอแสง สาดลง ผืนน้ำ
คลื่นคราม ฉับพลัน เปลี่ยนสี
ส่องสาด ไหมทอง เคลือบนที
วารี สาดสี อัมพัน

เห็นซันเซ็ต เจ็ดย่านน้ำ ไม่งามเท่า
บูบูเจ้า ดูเป็นมิตร จิตแจ่มใส
หากลัดเข็ม เส้นไหมทอง ร้อยมาลัย
คล้องดวงใจ แขวนไว้ บนบูบู

หนึ่งวันก่อนถึงกำหนดที่อาจารย์เกตจะมา... โทรศัพย์ติดตามตัวได้ดังขึ้นอย่างซื่อสัตย์หลังจากที่มันได้หยุดพักจากเขม็งเกรียวบนแผงวงจรที่ทราฟฟิกมาตลอดทั้งปีตามเจ้าของ...
แว่วเสียงอาจารย์เกตดังมาตามสาย... "เป๋...สงสัยผมจะไปไม่ได้แล้วว่ะ พ่อผมผ่าตัดยังต้องดูอาการอยู่เลย... อีกอย่าง คุณรงค์ วงษ์สวรรค์ เสียแล้วนะ...ผมคงต้องไปงานศพแกที่เชียงใหม่... โทษทีว่ะ ปีหน้าละกัน "
เหมือนมรสุมพัดผ่านหัวใจข้าพเจ้า ครืนเสียงฟ้าผ่าก้องอยู่ในก้อนสมอง กัมปนาทจากฟากฟ้าเส้นนั้นดูเหมือนจะผ่าลงมาเพื่อทำลายก้อนสมองออกเป็นเสี่ยงๆ... ขณะที่กำลังคิดว่าจะบอกเรนี่ยังไงดี เธอก็เดินมาว่าอาจารย์เกตโทรมาหาแล้วเหมือนกัน...เธอปรึกษาว่าจะเอายังไงดี เธออยากไปพีพี...ส่วนผมตัดสินใจไปพักกับพี่สาวที่หาดคลองม่วง....
ลาก่อนบูบู... เทพธิดาอันดามัน...

ถึงตัวเมืองกระบี่เกือบบ่ายสามโมง... พอมีเวลาเดินเล่นไม่นานพี่สาวก็เอารถมารับ... จุดหมายของเราอยู่ที่อ่าวคลองม่วง ใกล้กับอ่าวนาง พอถึงที่พักก็จะได้ว่าแถวนั้นมีบ่อตกปลาชื่อว่าอ่าวนางฟิชชิ่ง...ไหนๆก็ไหนแล้วเอาซะหน่อย!!

กะว่าจะไปดูบ่อซะก่อนว่าโอเคไหมแล้วรุ่งขึ้นค่อยไปตก... ก็ไปถึงบ่อตอนเกือบหกโมงเย็น ถามๆออฟฟิเชอร์ที่นั่นได้ความว่า วันละ 400บาท แพงมากแต่เขาว่าปลาเยอะ...อืมไหนๆแล้วก็เอาซะหน่อยนะ

วันรุ่งขึ้นหลังจากไปส่งพี่สาวที่โซฟิเทลก็รีบบึ่งจักรยานยนต์ไปที่บ่อเลยครับ โดยเอาเบ็ดไปสองคันประกอบด้วยคันฟลายหนึ่งคัน แล้วก็สปินนิ่งเหยื่อปลอมอีกหนึ่ง ก็เริ่มจากเดินตีฟลายรอบบ่อซักรอบท่าจะดีนะ?

เป็นบ่อตกปลาทะเลครับ โดยบ่ออยู่ใกล้ๆกับแมงโกรฟสว๊อมและสูบน้ำมาใช้ครับ ปลาที่มีคือกระพงขาว กระพงแดง สาก ทาร์ปอน เก๋า และอื่นๆครับ...
เดินอยู่รอบแรกไม่ได้ปลาซักตัว...ไหนว่าปลาเยอะไงฟระ เก็บตรูตั้ง 400... ก็เลยเปลี่ยนมาตีปลายางแทนครับ เพราะบ่อนี้ตีฟลายได้ยากพอควร ขอบบ่อกับตลิ่งอยู่ห่างกันแล้วมีต้นไม้บังหลังรอบบ่อครับ ต้องโรลอย่างเดียว


และแล้วปลายางก็ทำงานเป็นกระพงขาวไซด์สวย


อีกรูปครับ ปลาที่นี่กัดเบามากๆ ไม่เกเรเลย...หลังจากได้ตัวนี้ก็โดนกันเบาๆที่หัวบ่อแล้วขาดเลยครับ... PE 80 ปอนต์เอาไม่อยู่...แบบนี้สากชัว
ระหว่างที่เดินไปทำสายใหม่รวมถึงเปลี่ยนเหยื่อก็มีพนักงานเดินมาบอกว่า ตกได้ด้วยเก่งจิงๆ ปรกติคนมาตกด้วยเหยื่อปลอมมักจะไม่ได้.... กำแล้วบอกตรูเมื่อวานว่าปลาเยอะ เกือบไปแล้วไหมล่ะ

หลังจากผูกเหยื่อใหม่ก็เดินกลับไปที่หัวบ่อเพื่อหวังที่จะเอาสากขึ้นมาดูหน่อยแต่ก็ปรากฎว่าได้เจ้านี่ขึ้นมาครับ
แปซิฟิค ทาร์ปอน ขนาดกำลังงาม

ตามความรู้สึก คิดว่ามันสู้เบ็ดได้ไม่ดีเท่าที่คิดเลย ดูในวีดีโอเมืองนอกเห็นโดดเอาโดดเอา...แต่ตัวนี้โดดอยู่สามทีก็หมดแรงแล้วครับ
แต่ก็ยังภูมิใจ อยากได้มานานแระ


เสียดายที่ไม่กัดฟลาย...เสียดายยยมากกกก


หลังจากนั้นปลาก็ไม่กัดเลยทั้งวันจนมาได้อีกทีเย็นๆครับ

สภาพหมายสวยมาก เขาล้อมรอบ


ป่าโกงกางรอบๆครับ เดินลงไม่ได้ เสียดายจัง



ตัวสุดท้ายของวัน... ไหนอ้าปากให้หมอตรวจหน่อยซิ


ทำตัวน่ารักๆนะจ๊ะหนู



ถ่ายรูปหน่อยเร๊ววว!


แล้วก็ปล่อยกลับบ้าน

ไอ้บ้านี่ปล่อยทำไม กรูอุส่ามารอกิน แมวเซงว่ะ แสดดดด

หาดคลองม่วงครับ

วันต่อมาไปทำธุระกับพี่สาวในตัวเมืองกระบี่ ที่เห็นนี่เป็นวัดกลางเมืองสวยมากๆ
แวะกินหมูกระทะหน่อย... กระทะที่นี่ดูไฮโซมากมาย

วันต่อมา วันนี้เกิดหลอนขึ้นมาเพราะฟลายยังไม่ได้ปลาเลยในทริปนี้ ก็คิดว่าวันนี้จะไปเทสที่หาดหน้าโซฟิเทลโดยเอาฟลายไปชุดเดียวครับ เป็นไงเป็นกัน!

รองท้องก่อนไปครับ แบบว่าว่างมากเลยแต่งจานซะหน่อย อุส่าเรียนอาร์ตมา

ถึงแล้ว หาดหน้าโซฟิเทล

เตรียมพร้อม

สภาพหมายสวยมากๆ

แต่มีแต่รูปถ่ายตัวเอง กำเจง

หมายอย่างสวย แต่สรุปว่าแห้วอีกแล้ว
เอาเป็นว่าจบทริปกันแบบดื้อๆเลยละกันครับ

ขากลับ สนามบินกระบี่

วันหลังมาใหม่นะ

ชั่วพริบตา ถึงสุวรรณภูมิแล้ว

ที่นี่ห้องสูบบุหรี่เยอะมากๆ

กลับไปลุยงานต่อแระ

จบบริบูรณ์
สวัสดี

No comments: